คุณเอ ธนกฤต พลิกปมด้อยสู่เถ้าแก่น้อยร้อยล้าน
“ธนกฤต ผ่องใส” หรือเอ เด็กหนุ่มต่างจังหวัดคือผู้บุคคลที่นำปมด้อยของตัวเองด้วยความที่อยากขาวเพราะดำแต่เด็กจึงอยากขาวเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง เขาผ่านการทำงานส่วนตัวมาหลากหลาย

หลังจบการศึกษา ปริญญาตรี เอกการตลาด คณะการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก็ไม่เคยทำงานบริษัท หรือองค์กร ตั้งแต่เรียนจบ
แต่เลือกที่จะทำธุรกิจส่วนตัวมาตลอด ตั้งแต่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีได้เปิดร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น จากนั้นเปิดห้องเสื้อ ชุดราตรี และชุดวิวาห์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีออนไวท์ ไทยแลนด์ จำกัด
จากอดีตที่เคยลำบากสู่การเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงอย่าง เอ ธนกฤต เจ้าของแบรนด์ Skincare ที่สามารถทำตลาดและกวาดรายได้ไปมากกว่าล้านบาท ในเวลา 1 ปี
เขาก็มีชีวิตเหมือนคนทั่วไปที่ลำบากมาตั้งแต่เล็กๆ ที่พ่อแม่ของเขาทำสวนทำนา ที่ต้องดูแลทั้ง 3 ชีวิตโดยแม่ของเขาทำนาและคุณพ่อก็ไม่เห็นหนึ่งข้าง

เขาฝันไว้ว่าอยากมีนักธุรกิจของตัวเอง สมัยวัยรุ่นเคยทำงานร้านเช่าแผ่นซีดี และก็มาลงทุนขายเสื้อผ้า จนมีเงินนอกระบบและติดเงินเขากว่า 2 แสนบาท ตอนนั้นมีชีวิตด้วยเงิน 60 บาท
สุดท้ายจับทางถูกไปขอความช่วยเหลือให้โรงงานผลิตสบู่ จากนั้นนำไปขาย อาศัยทำการตลาดแบบบ้านๆ ให้ชาวนา ชาวสวนยาง คนซ่อมรถ จากผู้ใช้งานจริงๆ ผลลัพธ์ที่ได้
คือยอดขายดีขึ้น จากวันละ 1 หมื่นบาท ค่อยๆ ทะยานขึ้นสู่หลักล้าน กระทั่งสูงสุดยอดขายวันละ 1.5 ล้านบาท แต่ด้วยความที่ธุรกิจมีการแข่งขันที่สูง
จากยอดขาย ลดลงจากวัน 1.5 ล้าน เหลือ 6 แสนบาท เลยเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายใหม่และ ขยายธุรกิจด้วยตัวแทนจำหน่าย จังหวัดละ 1 คนเพื่อกระจายสินค้า จะสนับสนุนผลิตภัณฑ์ตามเวทีประกวดต่างๆ
นอกจากที่เขาสามารถ ทำตามความฝันของตัวเองได้แล้วนั้น เขายังมีอีกหนึ่งความฝันคือการได้เป็นพ่อคนและจุดเริ่มต้นมาจากการที่ว่า เขาได้แรงบันดาลใจมาจากคุณพ่อของตัวเอง คุณพ่อเป็นเหมือนฮีโร่
ที่สามารถดูแลบุตรทั้ง 3 คนได้ เราก็เลยคิดว่าถ้าเราเป็นพ่อคน เราก็ทำหน้าที่เหมือนที่พ่อฉันทำได้ แล้วก็ได้ไปโพสต์ ในกลุ่มว่าเราอยากมีบุตรแต่ก็นานจนลืมไปแล้ว
จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีผู้หญิงทักมา ถามเราว่าอยากมีไหม ถ้าพี่ไม่อยากหนูจะได้ยุติลง ซึ่งตอนนั้นเขามีน้องได้ 7 เดือนแล้ว เราก็เลยรีบถามไปเลยว่า
น้องอยู่ไหน เดี๋ยวพี่ส่งตั๋วเครื่องบินไปให้ และเราก็ได้นัดเจอน้องที่สนามบินขอนแก่น และเราก็ดูแลน้องผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างดีตั้งแต่ต้นจนน้องเกิด
วันที่ได้เห็นน้องคำแพงครั้ง เราตื่นเต้นและดีใจมากได้รับรู้ถึงความรู้สึกการเป็นพ่อคนก็วันนี้ หลังจากที่ เอ ได้เปิดตัวบุตรชายไปก็ถูกสังคมวิพากษณ์วิจารณ์ต่างๆนานา
ซึ่งเราก็คิดว่าจะทำให้ไงให้น้องๆ ผ่านคำเหล่านี้ไปได้ และการได้ดูแลคนๆหนึ่งได้นั้นก็มีความสุขแม้ว่าเขาจะไปไหนก็แล้วแต่ ถ้าน้องยอมรับพ่อของเขาได้
มันทำให้กลุ่ม LGBTQ อีก หลายคนนั้น ที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ได้รับการยอมรับเหมือนที่น้องๆยอมรับเราได้เช่นกัน และเชื่อว่าสามารถดูแลน้องได้เป็นอย่างดีเขาต้องมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน
ไม่ว่าสังคมจะมองแบบไหน การที่เรามีน้องแล้วเราเป็นชาย ก็สามารถให้ความรักได้ไม่แพ้ของพ่อแม่ชายหญิงจริงเลย
ปัจจุบันเขาสามารถดูแลบุตรชายทั้ง 2 คน พร้อมกับดูแลธุรกิจของตัวเองได้เป็นอย่างดี แถมน้องๆยังน่ารักมากด้วยนะคะ